พันธุ์พริกที่ปลูกภายในประเทศมีมากมายหลากหลายชนิด ปลูกกระจายทั่วประเทศ ผลพริกมีขนาดรูปร่างและสีที่แตกต่างกัน แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- พริกใหญ่
- ยาว 5-10เซนติเมตร
- ปลูกมากในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- แหล่งผลิตใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ ลำพูน อุตรดิตถ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา เลย และราชบุรี
- แหล่งปลูกพริกใหญ่ที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อำเภอจอมทอง ดอยเต่า ฮอด และสันกำแพง
- พริกเล็ก พริกขี้หนูเม็ดใหญ่
- ยาว 2-5 เซนติเมตร
- ปลูกมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก
ฤดูที่ปลูกพริก
- แหล่งผลิตใหญ่ ได้แก่ กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตาก เชียงใหม่ นครราชสีมา เลย นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครศรีธรรมราช และอุบลราชธานี
ปลูกได้ทุกฤดู ทั้งหนาว ฝน และร้อน ฤดูฝนและฤดูหนาวเป็นฤดูที่นิยมปลูกกันมากที่สุด
- ที่นา (ฤดูฝน)
- ปลูกในเขตพื้นที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่เป็นที่ที่มีฝนตกน้อยไม่เพียงพอต่อการทำนา จึงปลูกพริกแทนการปลูกข้าวนาปี
- เกษตรกรเริ่มทำการเพาะกล้าในเดือนกรกฎาคม และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน ธันวาคม-มีนาคม ของปีถัดไป
- ที่นา (ฤดูหนาว)
- นิยมปลูกในเขตพื้นที่อำเภอแม่ริม แม่แตงและสารภี
- ปลูกเป็นพืชหลักหรือพืชแซมลงในกระเทียม การเพาะกล้าเริ่มในเดือนธันวาคมและเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม
- ที่พืชไร่ (ฤดูฝน)
- นิยมปลูกบนที่ดอนหรือเนินเขา อาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียว เช่น ในอำเภอจอมทอง ฮอด และดอยเต่า
- เริ่มเพาะกล้าเริ่มในเดือนกรกฎาคม และเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของปีถัดไป ริกเล็ก มีระบบการเพาะปลูก 4 ระบบ ในฤดูฝนและฤดูหนาว
- ที่พืชไร่ (ต้นฤดูฝนหรือปลายฤดูฝน)
- ปลูกเป็นพืชหลัก มีการเพาะปลูกบนที่ดอนหรือเนินเขา เช่น ในอำเภอแม่อาย จอมทอง และดอยเต่า
- เพาะกล้าต้นฤดูฝนในเดือนกรกฎาคมและเก็บเกี่ยวในเดือน ธันวาคม-มีนาคมของปีถัดไป
- ส่วนอีกรุ่นเพาะกล้าปลายฤดูฝนประมาณเดือนกันยายนและเก็บเกี่ยวในช่วง เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม
- ที่นา (ฤดูหนาวหรือฤดูแล้ง)
- เขตอำเภอฝาง แม่อาย และกิ่งอำเภอไชยปราการ
- ปลูกแซมกระเทียม พริกเล็กถูกปลูกเป็นพืชแซมในแปลงกระเทียมในนาฤดูหนาวหลัง เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ
แมลงศัตรูพริก
- เพาะกล้าในเดือนพฤศจิกายน และเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน
- เพลี้ยอ่อน
- เพลี้ยไฟ
- ไรขาว ซึ่งเป็นตัวพาหนะนำเชื้อไวรัส แต่ยังมีศัตรูอื่น
- ไส้เดือนฝอย
- หนอนผีเสื้อ
- หนอนเจาะสมอฝ้าย
- หนอนอเมริกัน
- หนอนแมลงวัน
- เป็นต้น
โรคของพริก
โรคพริกที่พบโดยทั่วไปในประเทศไทย ได้แก่ โรคต้นเน่า โรคเหี่ยว โรคใบจุด โรคราแป้ง โรคกุ้งแห้ง โรคยอดและกิ่งแห้ง โรคผลเน่า โรคตากบและโรคใบหงิก โรคกุ้งแห้ง
เกิดจากเชื้อราหลายชนิด เป็นโรคที่ระบาดรวดเร็ว และมักเป็นขณะที่ผลพริกเจริญเติบโตเกือบเต็มที่สังเกตเห็นได้ชัดบนผลพริก เป็นจุดสีน้ำตาล ช้ำๆ ทำให้เกิดผลเน่า มักระบาดลุกลามทั้งหมู่บ้าน การป้องกันกำจัดก่อนโรคเกิดการระบาด แช่เมล็ดในยาฆ่าเชื้อราก่อนปลูก หลังปลูกควรพ่นยาฆ่าเชื้อรา ทุกๆ 7-15 วันต่อครั้ง
- โรคผลเน่า
- เกิดจากเชื้อรา ทำให้เกิดแผลที่ผลได้ โรคผลเน่านี้บางครั้งเรียกว่าโรคกุ้งแห้งเทียม
- โรคยอดและดอกเน่าหรือโรคพริกหัวโกร๋น
- เกิดจากเชื้อรา โรคนี้แสดงอาการในระยะผลิดอกออกผล ยอดและใบอ่อนเน่าเป็นสีน้ำตาลไหม้ ยอดพริกแตกยอดต่อไปไม่ได้ป้องกันและกำจัดโดยใช้ยากำจัดโรครา พ่นทุก 5-7 วัน ควรพ่นยาฆ่าเชื้อราในดินด้วยและใช้ปูนขาวลดความเป็นกรดของดิน
- โรคใบจุด
- แผลที่เกิดเป็นจุดสีน้ำตาล และอาจมีเชื้อราอยู่ตรงกลางของวงเป็นสีเหลือง ถ้าเป็นมากใบพืชจะเหลืองและร่วง การป้องกันกำจัดโดยใช้ยากำจัดเชื้อรา
- โรคกล้าเน่า
- เกิดจากเชื้อรา ทำให้ต้นกล้าเหี่ยวแห้งตาย เชื้อราอาศัยในดินหรือติดมากับเมล็ด เชื้อรามักทำลายลำต้นส่วนที่อยู่ติดดิน ต้นพืชแสดงอาการคล้ายขาดน้ำ ป้องกันและกำจัดโดยคลุกเมล็ดกับยาฆ่าเชื้อรา และพ่นยาให้ต้นกล้า
- โรคราแป้ง
- เกิดจากเชื้อรา จะมองเห็นเชื้อราเป็นผลคล้ายแป้งบนใบพริก อาจมีจุดสีน้ำตาลและสีเหลืองปนอยู่ การป้องกันกำจัดโดยใช้กำมะถันผงละลายน้ำ พ่นจะช่วยลดการระบาดของโรคนี้ได้
- โรคเหี่ยว
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ต้นพริกแสดงอาการเหี่ยวในเวลากลางวัน และฟื้นในตอนกลางคืน ถ้าเป็นโรคมากก็จะเหี่ยวตาย เมื่อเฉือนต้นจะเห็น เป็นสีน้ำตาลอ่อน โรคนี้ไม่มียาป้องกันและกำจัด โรคนี้อาศัยในดินและอาจมากับน้ำที่ใช้รดต้นไม้ด้วย
- โรคใบหงิกหรือโรคใบด่าง
- เกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด ใบพริกมีอาการใบหงิกหรือใบด่าง โดยเฉพาะใบอ่อนมีอาการมากกว่าใบแก่ ทำการป้องกันกำจัดโดยการป้องกันเพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน และไรขาว เพราะเป็นตัวนำโรคไวรัส การฉีดยาฆ่าแมลงชนิดต่าง ๆ จะช่วยลดจำนวนแมลงเหล่านี้ลง หากพืชแสดงอาการต้องกำจัดโดยถอนและเผาทิ้ง ไม่มีวิธีการป้องกันและรักษาถ้าพืชแสดงอาการแล้ว
- โรคแอนแทรคโนส (Anthracnose)
เครดิต:
- http://203.172.198.146/rice/rice_mix1/crop_114.html
No comments:
Post a Comment