วิธีนี้สามารถใช้ได้กับพริกทุกชนิด เช่น พริกซุปเปอร์ฮอท พริกขี้หนู พริกหยวก พริกยำขาว พริกสด พริกกระเหรี่ยง ฯลฯ
- ลงทุนต่ำ ผลผลิตตอบแทนสูง ดูแลง่าย สามารถป้องกันโรคที่มักเกิดขึ้นกับพริกได้ เช่น
- เมื่อฝนตกชุก หรือมีความชื้นมาก พริกมักเป็นโรคแอนแทรคโนส หรือเป็นโรคเหี่ยวจากเชื้อรา
- เมื่ออากาศแห้งแล้งก็จะมีเพลี้ยไฟ ไรขาว
- พริกเจริญเติบโตจนมีผลเริ่มสุก ก็จะมีหนอนเจาะในไส้
- นอกจากนี้การดูแลพริกด้วยฮอร์โมน/น้ำหมักชีวภาพ เกษตรกรก็ไม่ต้องเสียสุขภาพเหมือนกับการใช้สารเคมีอีกด้วย
การเตรียมแปลงปลูกพริก
- ใช้วิธีหมักแปลงก่อนปลูกพืช เหมือนการพืชผักล้มลุกทั่วไป เช่น กวางตุ้ง ผักบุ้ง พริก มะเขือ
- ขุดร่องตรงกลางแปลง ให้มีความลึกพอที่จะใส่อินทรียวัตถุต่างๆ ได้ โดยให้มีความยาวตลอดแปลง ใส่อินทรียวัตถุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น หญ้า ฟาง ใบไม้ มูลสัตว์ เศษอาหารโรยตลอดตามแนวร่อง
- หว่านปุ๋ยโบกาฉิสูตรรองพื้น ตารางเมตรละ 1-2 กำมือ โรยบนอินทรียวัตถุ + ใช้สารปรับปรุงบำรุงดิน 1 ก.ก. + อาหารพืชชีวภาพสูตร 4 (สุโตจู้) 500ซีซี + น้ำ 200-500 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน (ประมาณ 12 ชม.) รดบนวัสดุให้ชุ่ม ถ้าหากแปลงมีความยาวให้ผสมเพิ่มตามอัตราส่วนเดิม รดวัสดุตลอดแปลง กลบดินทำแปลงแล้วคลุมด้วยฟาง
- หมักแปลง ไว้อย่างน้อย 7 วัน รดน้ำให้แปลงชุ่มชื้นทุกวัน จึงปลูกพืช
- ไถปั่น และยกร่อง (ทำหลังเต่า) เพื่อเตรียมปลูก **สำหรับพริก ในแปลงต้องระบายน้ำได้ดี ถ้าหากน้ำขัง 3-4 วัน ต่อให้ใช้ระบบจุลินทรีย์ทำแบบชีวภาพ ก็มีสิทธิ์ตายเหมือนกัน **
การปลูก
- การปลูกโดยใช้ต้นกล้า เพาะเมล็ดให้งอกเป็นกล้ายาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร (ประมาณ 20-30 วัน) นำลงปลูกหลุมละ 1 ต้น แต่ควรทำร่มหลังการปลูกด้วยก็จะดี สำหรับประหยัดพันธุ์พริกที่หายากและราคาแพง สามารถกล้าในถุงเพาะก่อนนำไปปลูก จะทำให้กล้าไม่โทรมและได้ผลแน่นอน ไม่ชะงักการเจริญเติบโต
- ปลูกโดยใช้เมล็ด ปกติปลูกหลุมละ 3-5 เมล็ด ระยะห่าง 30x30 หรือ 50x50 เซนติเมตร ตามขนาดทรงพุ่ม เมื่อพริกงอกและเจริญเติบโตสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร ตัดต้นที่ไม่ต้องการออกเหลือไว้เพียง 1 ต้น หากไม่งอกก็ปลูกแซมใหม่ หรือย้ายต้นที่ไม่ต้องการไปปลูกแทน
- ปลูกโดยใช้เมล็ดเริ่มงอกแล้ว หมักไว้โดยใช้ผ้าห่อไว้จนกระทั่งเมล็ดเริ่มงอกออกมาเป็นปมสีขาว นำลงปลูกในแปลง หลุมละ 2-3 เมล็ด เป็นการแก้ปัญหาการไม่งอกตามวิธีที่ 1
การดูแล
- พริกชอบความชื้นแต่ไม่ชอบน้ำขัง จึงไม่ควรปล่อยให้น้ำมาก หรือปล่อยจนดินแห้งผาก ควรคลุมด้วยวัชพืชเสมอๆ เพื่อรักษาความชุ่มชื้น และย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยต่อไป
- หากไม่ได้หมักดิน ใส่โบกาฉิโรยบางๆ ปลังจากปลูก เมื่อพริกเริ่มตั้งตัวได้ (หากหมักดินดีแล้วไม่ต้องใส่ปุ๋ยเลย)
- ระยะเจริญเติบโต พ่นสุโตจู้ S.T. (สูตร 4) + น้ำ อัตราส่วน 20 ซีซี : 20 ลิตร เพื่อป้องกันโรค-รา และ ขับไล่-ตัดวงจรแมลง อย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- หากต้นไม่สมบูรณ์ ให้ใช้ฮอร์โมนสูตร 1 + สูตร 3 + สุโตจู้ สูตร 4 ( รวมกันไม่เกิน 20 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ) จะทำให้ต้นสมบูรณ์ ใบอวบใหญ่ เพื่อเร่งการสะสมอาหาร
- ระยะมีผลผลิต ให้ใช้ฮอร์โมนสูตร 2 + สูตร 3 + สุโตจู้ สูตร 4 ( รวมกันไม่เกิน 20 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ) จะทำให้ติดดอกออกผลดีขั้วเหนียว เหี่ยวยาก ไม่เน่าเสียง่าย
- ** ฮอร์โมนน้ำ ห้ามผสมยาจับใบ และ ห้ามใช้เกินอัตราส่วน เพราะอาจทำให้ใบไหม้ได้
- พ่นสุโตจู้ S.T. (สูตร 4) + น้ำ อัตราส่วน 20 ซีซี : 20 ลิตร เพื่อป้องกันโรค-รา และ ขับไล่-ตัดวงจรแมลง พ่นทั่วต้นและใบ
- ปรับปรุงดิน ล้างสารเคมีตกค้าง ฆ่าเชื้อโรค และคุมไข่แมลงในดิน ด้วยสารปรับปรุงดิน 1 ก.ก.+ สุโตจู้ S.T. (สูตร 4 ) 500 ซีซี แช่น้ำ 500 – 1000 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน / ประมาณ 12 ชม. ฉีดพ่นลงดินเท่านั้น ห้ามพ่นโดนใบและต้นพริก
- หมายเหตุ หากไม่ได้หมักดิน แล้วเกิดเป็นโรคมาก เช่น ใบด่างใบหยิก แปลงมีน้ำขังหลายวัน รากเน่าหมด ก็จะแก้ไขได้ยาก อาจต้องไถทิ้งปลูกใหม่ หมักดินและยกร่องปลูกให้ดีจะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้
หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต
- พริกฤดูเดียว หลังจากเก็บผลผลิตในฤดูกาลนั้นแล้ว ให้ตัดป่นต้นพริกย่อยลงในแปลง เพื่อเตรียมการปลูก (รายละเอียดด้านบน) ในครั้งต่อไป หมักไว้ 15-30 วัน จึงปลูกพริกรุ่นใหม่ หรือปลูกพืชอื่นๆหมุนเวียน
- พริกหลายฤดู เมื่อเก็บผลแล้วถ้าจะให้ดี ควรฉีดพ่นด้วยสุโตจู้ S.T. (อัตราส่วน 20 ซีซี : น้ำ 20 ลิตร เพื่อรักษาแผลและป้องกันเชื้อโรค ) ตัดแต่งกิ่ง ถมลงพื้นแปลง ใส่โบกาฉิ ฉีดพ่นด้วยสุโตจู้ S.T. ทั้งต้นและดิน รักษาแผล บำรุงต้น ช่วยให้แตกกิ่งก้านใหม่ได้เร็ว และผลผลิตรอบต่อไปก็จะดี
เครดิต:
- http://www.farmkaset.org/contents/?content=01342#
- http://it.doa.go.th/pibai/pibai/n15/v_9-oct/korkui.html
- http://www.research.rmutt.ac.th/archives/5898
No comments:
Post a Comment