ชื่อวิทยาศาสตร์
- Crotalaria jncea
ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์
- ปอเทืองเป็นพืชตระกูลถั่วฤดูเดียว
- ลำต้นตั้งตรงแตกกิ่งก้านสาขามาก สูงประมาณ 150 – 190 เซนติเมตร
- ใบเดียวยาวรี
- ช่อดอกเป็นแบบบราซีม (racemes) ซึ่งอยู่ปลายกิ่งก้านสาขา ประกอบด้วย ดอกย่อย 8 – 20 ดอก ดอกสีเหลืองมีการผสมข้ามฝัก เป็นทรงกระบอกยาว 3 – 6 เซนติเมตร กว้าง 1 – 2 เซนติเมตร หนึ่งฝักมีประมาณ 6 เมล็ด เมื่อเขย่าฝักแก่จะมีเสียงดัง เนื่องจากเมล็ดกระทบกัน
- เมล็ดมีรูปร่างคล้ายหัวใจสีน้ำตาลหรือดำ เมล็ด 1 กิโลกรัม มี 40,000 – 50,000 เมล็ด หรือ 1 ลิตร จะมีประมาณ 34,481 เมล็ด
- ปลูกโรยเป็นแถว ระหว่างแถว 80 – 100 ซม.
- หรือปลูกเป็นหลุม ใช้ระยะปลูก 50 X 100 หลุม ๆ ละ 1 – 3 ต้น
- การปลูกแบบหว่านเพื่อไถกลบใช้เมล็ดประมาณ 3 – 5 กิโลกรัมต่อไร่
- ปลูกเป็นหลุมใช้เมล็ด 2 – 4 กิโลกรัมต่อไร่
- จะทำการถอนเพื่อจัดระยะปลูกเมื่ออายุ 2 – 3 สัปดาห์ ต้องพรวนดินกลบโค่นและกำจัดวัชพืช
- ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 20 – 30 กิโลกรัมต่อไร่
- พ่นยากำจัดเชื้อรา และแมลงศัตรูพืช อาจมีการพ่นปุ๋ยทางใบ และสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชในช่วงออกดอกติดฝัก เช่น ปุ๋ย 10-52-17 และ NAA ความเข้มข้น ประมาณ 100 – 200 ppm. อาจจะเพิ่มผลผลิตถึง 150 – 200 กิโลกรัมต่อไร่
- ในระยะเก็บเกี่ยวหากมีฝน ซึ่งมักจะตกในช่วงระหว่างฤดูหนาวกับฤดูแล้ง ทำให้ฝักปอเทืองขึ้นรา ดังนั้นจึงควรเก็บให้ทันอย่าให้ถูกฝน
- ปอเทืองเป็นพืชตระกูลถั่วที่ให้น้ำหนักสดต่อไร่ 2 -5 ตัน/ไร่
- เมื่อไถกลบจะปลดปล่อยธาตุอาหาร โดยเฉพาะไนโตรเจนในปริมาณสูง นิยมปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดเพื่อเพิ่มปริมาณธาตุอาหารให้กับดิน โดยเฉพาะในการปลูกพืชในระบบเกษตรอินทรีย์
- เจริญเติบโตได้ดีในสภาพพื้นที่ดอน
- ปลูกในรูปแบบของพืชหมุนเวียน โดยหว่านหรือโรยเมล็ดก่อนการปลูกหลัก เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย
- หรืออาจปลูกในรูปแบบของพืชแซม โดยปลูกระหว่างแถวพืชหลัก เช่น ระหว่างแถว อ้อย มันสำปะหลัง แล้วไถ/สับกลบ เมื่อปอเทืองอายุประมาณ 50 – 60 วัน ในขณะที่ดินยังมีความชื้นแล้วทิ้งไว้ 7 – 10 วัน ปลูกหลังจากพืชหลัก
เคล็ด(ไม่)ลับ
- ปอเทือง 1 ต้นให้ผลผลิตมากกว่า 1 รุ่น ตอนเก็บฝักแก่รุ่นแรกก็ยังมีดอกรุ่นที่สองกำลังโผล่มา ก็เลยใช้วิธีรูดฝัก ไม่ได้ตัดต้น รอเก็บรุ่นสองได้อีกหน่อย
- ตอนปอเทืองใกล้จะออกดอก ลองตัดต้นเหลือโคนไว้ประมาณ 1 ฟุต ไม่นานต้นปอเทืองก็แตกยอดใหม่มากกว่าเดิม ให้ผลผลิตเยอะกว่าต้นที่ไม่ได้ตัดยอดด้วย
เครดิต:
- http://km.rubber.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=7739:2013-09-10-07-43-55&catid=40:2011-05-11-03-00-30&Itemid=103
- http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=103818.32
- http://www.ldd.go.th/menu_Dataonline/G1/G1_06.pdf
- http://www.ldd.go.th/menu_Dataonline/G1/G1_27.pdf

No comments:
Post a Comment